06 May 2007

16 บนฟ้า

[สุดคะเนจ๊ะ...
ฉันอ่านผลงานของเธอจากไหนก็ช่างเถอะนะ
อาจจะเป็นที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเธอเคยส่งไปตั้งแต่หลายปีก่อน
แล้วฉันก็เคยเห็นเพียงฉบับเดียว ไม่เคยเห็นฉบับอื่นอีกเลย
จะสำคัญอะไรล่ะว่าใครเป็นคนรับ ในเมื่อฉันได้พบเธอแล้ว...

แต่ถ้ามันสำคัญสำหรับเธอ...ไว้มีโอกาสเจอกัน ฉันจะเล่าให้ฟัง
ดีใจที่เธอบอกว่าอยากเจอฉัน แต่ฉันไม่ได้น่ารัก
ไม่ได้ใสอย่างตัวหนังสือที่เธอเห็นหรอกนะ
เอ๊ะ คะเนเป็นคนที่ไม่ชอบคาดหวังใครนี่นา...”]



ยังคงมีสายลมเหมือนทุกวัน หูกวางผลัดใบ
เด็กๆ เล่นฟุตบอลส่งเสียงเอะอะมาจากด้านหลังบ้าน
สุดคะเนถอดรองเท้าหน้าห้อง ชำเลืองดูไม้ในกระถาง
ดินแห้งผากทั้งที่ให้น้ำทุกเช้าเย็น
ห้องหมายเลขเจ็ดยังปิดเงียบ
เปิดห้อง วางกระเป๋า นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเปิดเพลงที่ฟังซ้ำหลายวันมานี้

“...ถ้าเราจะนัดพบกัน เมื่อตะวันพลบค่ำ ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ ฉ่ำชื้น ชื่นใจ
ใต้ร่มไม้ใบบางบาง แสงสว่างรำไรรำไร ไม่ต้องระวังไม่ต้องระไว
จะอายทำไมกับพระจันทร์”

แมวน้อยลายเหลืองวิ่งมาหยุดหน้าระเบียง ส่งเสียง “แอ๊ว”



[...ฉันมีเพื่อนทางจดหมาย 2 คน
คนหนึ่งรู้จักกันมาสิบสามปีเข้านี่แล้ว
นึกถึงตอนรู้จักกันทีไรก็ยิ้มได้ทุกที
ฉันเขียนการ์ตูนไปประกวดที่หนังสือชัยพฤกษ์ เผอิญได้ตีพิมพ์
เพื่อนคนนี้เกิดรักแรกพบกับการ์ตูนของฉัน เลยเขียนจดหมายมาหา
โอ๊ย มีความสุข เขียนกันไปมาเป็นร้อยๆ ฉบับ
บางฉบับหนาเตอะยังกะเขียนรายงาน อยากเจอกันแทบตาย
แต่อยู่ห่างกันคนละจังหวัด จนฉันเข้ากรุงเทพฯ ตั้งนานถึงได้เจอกัน
ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร

แล้วเชื่อไหม ตลอดเวลา 13 ปี
ได้พบหน้ากันจริงๆ 2 ครั้งเท่านั้น เป็นเวลาที่น่ารักและน่าจดจำ
เรารักกัน สนิทกันมากขึ้น โทรศัพท์คุยกัน ปรับทุกข์ปันสุข
เพื่อนบอกว่าเมื่อคิดถึงก็อยากคุยเลย ใช้โทรศัพท์เร็วกว่าเขียน

...ฉันยังเขียนอยู่นะ แต่เพื่อนมักตอบกลับมาเป็นโทรศัพท์มากกว่า...
แม้ความผูกพันระหว่างเราจะแน่นแฟ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น
แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนสูญเสียบางอย่างไป
ถ้าเราพบกัน...สุดคะเน...เธอยังจะเขียนจดหมายถึงฉันเหมือนเคยหรือเปล่า”...]



“หิวหรือ?”
สุดคะเนนั่งลง ยื่นมือแตะหัวที่มีลายสวย
แมวน้อยตอบทันที “แอ๋ว” แล้วลงนอนเกลือกกลิ้งให้ท่า

เด็กสาวยิ้มออก “งั้นรอเดี๋ยว อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ”

เดินกลับเข้าครัวเล็กๆ
ในแสงสว่าง ลูกกรงเหล็กดัดดูกระด้าง เปื้อนคราบฝุ่นละออง
แว่วเสียงครวญในคืนมืดมน รีบสลัดบางภาพในทรงจำทิ้ง
อาหารบางอย่างแปลกใหม่เมื่อได้ชิม พออิ่มก็นึกพิศวงว่ารับเข้าไปทำไม
ค้นหาของเหลือในตู้ แทบไม่มีอะไรเลย นอกจากหมูทอดชิ้นเล็กๆ
จะเป็นอันตรายกับสุขภาพเจ้าสี่ขานั่นไหม?
สุดคะเนตัดใจ ล้างหมูซ้ำๆ ในน้ำสะอาด
ฉีกเป็นเส้นฝอย ชิมดูจนแน่ใจว่าไม่เค็มเกินไป
กลับออกมา เจ้าตัวดียังตาแป๋วอยู่กับที่ ไม่วุ่นวาย ไม่หลบหนี

“มา...กินนี่ไปก่อน” เรียกก็เข้าหา สุดคะเนนึกเอ็นดูจับใจ
แมวที่บ้านของ The Moon สีแบบนี้หรือเปล่านะ



[คะเนจ๊ะ...เสียใจกับเธอด้วยเรื่องแม่
ชีวิตเป็นอย่างนี้ละนะ
ได้รับและสูญเสีย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
ใกล้ๆ เวลาที่แม่ของคะเนป่วย คุณยายของฉันก็อยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน
ฉันลาพักร้อนไปเฝ้าคุณยาย โรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ
ตั้งอยู่ใกล้ๆ ภูเขา อากาศหนาวจับใจ
ฉันนั่งกอดอกอยู่ข้างเตียง มองใบไม้สีเหลืองที่กำลังจะหล่นจากกิ่ง
รู้สึกเหงาและว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก

เพราะอะไรรู้ไหม...
คุณตาคุณยายเป็นความสวยงามของชีวิตฉัน...อาจจะยิ่งกว่าพ่อกับแม่
ฉันเพิ่งสูญเสียคุณตาไปตอนปีใหม่ พอใกล้สิ้นปี คุณยายก็ล้มเจ็บ
เจ็บอย่างทรมานด้วยโรคมะเร็ง ของขวัญปีใหม่ทั้งสองปีติดต่อกันที่ฉันได้รับ
คือการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก
แล้วรู้ไหม...อ่านจดหมายของคะเน ฉันร้องไห้อยู่ในใจ
ได้ยินเหมือนเสียงคุณยายเรียกเหมือนเคย อยากกอด อยากพุดคุยด้วย
อยากให้มือเหี่ยวย่นแต่อบอุ่นลูบหัวเหมือนเคย
คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงแสงตะเกียงและเสียงขลุ่ยข้างมุ้งสีขาว
ที่คุณตากางให้ทุกคืน ทุกอย่างแจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
จริงๆ แล้ว ไม่มีใครตายจากเราไปได้หรอก ตราบที่เรายังรักเขาอยู่...]



“ค่อยๆ กินก็ได้”
สุดคะเนบอกกับแมวน้อย

“แอ๋ว” เสียงตอบหวานใส สลับเสียงเคี้ยวฮึ่มฮั่มๆ

“พี่คะเนขา...” กระต่ายวิ่งพรวดขึ้นบันไดมาเหมือนเคย
แมวน้อยตกใจสะดุ้งสุดตัว วิ่งแผล็วทั้งที่อาหารคาปาก

“อุ้ย! แมว...มาจากไหนคะ” กระต่ายตาโต

“จากไหนก็ช่างมันเถอะ เดินเบาๆ ไม่เป็นหรือไงกระต่าย”

เด็กสาวหน้าเสีย สุดคะเนชะโงกหาแมวน้อย ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ

“หนูแอ๋ว...ไปไหนแล้วล่ะ มากินให้หมดซี”
อีกครั้งที่กระต่ายยืนนิ่ง ความน้อยใจพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ
แต่คนที่ห่วงแมวมากกว่าคนยังไม่สนใจสักนิดเดียว

“พี่คะเนคะ”

“...คะ”

เสียงเรียบ เหมือนไม่เคยใกล้กัน...อีกแล้ว

“อาทิตย์นี้ กระต่ายกับเพื่อนๆจะลองไปเล่นเปิดหมวกกันดูค่ะ
พี่คะเนไปให้กำลังใจกระต่ายมั้ยคะ”

“ดูก่อนนะ ไม่แน่ใจ พี่อาจมีงานข้างนอก”

เด็กผมเปียหน้าสลด
ความเจ็บปวดที่ไม่คิดว่าจะมีซึมแทรกเข้ามาเหมือนไฟไหม้กระดาษ

ตาดำยังมองอย่างเฉยเมย
ประสบการณ์ระยะสั้นบอกกับหนูน้อยว่า
พี่คะเนจะดีกับเธอเมื่อ...อยู่ในโลกเร้นลับเท่านั้น

ฝืนยิ้ม บอกกับรุ่นพี่ว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นกระต่ายไปเตรียมอาหารนะคะ พี่คะเนหิวหรือยัง”

“ไม่รอกินกับเค็นหรือ”

“เค็นไปบ้านเพื่อนอีกแล้วค่ะ ถ้าพี่คะเนยังไม่หิว ยังไม่ทำก็ได้ค่ะ จะได้ทานตอนร้อนๆ”

สุดคะเนถอนใจ ก้มลงเก็บเศษอาหารที่หนูแอ๋วกินทิ้งไว้ เสียงอ่อนลง
“ทำเลยก็ได้ค่ะ กระต่ายจะได้ทำการบ้านเร็วๆ...
แต่ที่จริง ไปกินข้างนอกก็ได้นะ ไม่ต้องเหนื่อยหรอก”

“เหรอคะ!” กระต่ายตาใสขึ้น “พี่คะเนว่างไปได้หรือคะ”

“รีบไปรีบมาไหมล่ะ กินอะไรง่ายๆ หน้าปากซอยแล้วกัน”

“ดีค่ะ” กระต่ายกระโดดเข้าหอมแก้ม “พี่คะเนน่ารักที่สุดเลย...”



[...คะเนจ๊ะ
บ้านริมคลองคงเป็นที่รวมความสวยงามในชีวิตของเธอสินะ
คะเนเล่าจนฉันรู้สุกอบอุ่นไปด้วย นึกรักบ้านของเธอขึ้นมา ทั้งที่ไม่เคยเห็น
คงเป็นอย่างที่ภาษาอังกฤษเขาบอกว่า...

A house is made of brick and stone...
A home is made of love alone.

เธอคงเหนื่อยน่าดู การอยู่ในกรุงเทพฯ บางครั้งต้องต่อสู้มากมาย
กอง บ.ก. มีกี่คนนะ คะเนต้องรับกี่คอลัมน์...
ถ้ารู้สึกเหนื่อยเมื่อไหร่ อยากให้รับรู้นะว่ามีเพื่อนที่เอาใจช่วยเธออยู่
อยากให้ทำงานอย่างมีความสุข...]



หายไปแล้ว เจ้าแมวเหมียว
สุดคะเนยังคงมองหา พยายามส่งเสียงเรียก

“แอ๋ว...หนูแอ๋ว” แต่ไร้การตอบรับ

กระต่ายกำลังรีบเร่งเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงกุกกัก โครมคราม
“โอ้ย!”
หกล้มอีกแล้วกระมังเด็กซุ่มซ่าม

ครู่ใหญ่ กว่าจะออกจากห้องด้วยแก้มเปล่งปลั่ง
รวบผมขึ้นสูงเปิดให้เห็นต้นคอเกลี้ยงเกลา
เวลาอยู่นอกเครื่องแบบนักเรียน เด็กคนนี้โตขึ้นผิดตา

“พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
สุดคะเนขมวดคิ้ว

“แต่งหน้าด้วยหรือนั่น ไปกินข้าวแค่นี้เอง”

“...ทาลิปนิดเดียว” กระต่ายเข้ามาคล้องแขนอย่างสนิทสนม
จะไม่ให้สนิทได้อย่างไร ในเมื่อ...

“น่า...ทำเป็นคนแก่ไปได้ เดี๋ยวนี้เด็กๆ เค้าไปถึงไหนๆ แล้วจ้า”

“พี่รู้ดี เรื่องนั้นน่ะ”

“แป่ว...” กระต่ายยังใจดีสู้เสือ
เธอต้องอดทน เด็กสาวบอกกับตัวเอง
พี่คะเนเป็นคนอ่อนไหวจะตาย ทำเป็นเย็นชาอย่างนี้
เดี๋ยวเถอะ กระต่ายเริ่มรู้แล้วว่าต้องใช้ไม้ไหน

“พี่คะเนชอบทานผักบุ้ง...กระต่ายจำได้ เดี๋ยวจะสั่งไฟแดงให้นะคะ
กับแกงจืดสาหร่ายดีไหมคะ เอาร้านข้าวต้มอาเฮียนะคะ”

[“คะเนจ๊ะ
...ดึกแล้วล่ะตอนนี้ บ้านเงียบสงัด
อยู่คนเดียวยิ่งรู้สึกว่าเงียบมากเหลือเกิน
ฉันกำลังฟังเพลงจากเทปที่ร้องว่า...
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไศล...จากใบไม้หลากสีสัน…
คะเนคงได้อ่านจดหมายของฉันเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว
คืนนี้เธออยู่คนเดียวหรือเปล่า...ห้องเล็กๆ ของเธอคงน่ารักเหมือนเคยสินะ
เอ...แล้วถ้าฉันกับเธอได้พบกัน เราจะไปเยี่ยมบ้านใครก่อนดี



อย่าเหงานะคืนนี้...
ไม่ว่าเธอจะมีเรื่องเศร้าหรือสุข บนฟ้าก็มีพระจันทร์เสมอนะจ๊ะ…]


ตีพิมพ์ครั้งแรก
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1381 วันที่ 02 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550