06 May 2007

15 ครั้งที่สอง

กระต่ายน้อยตัวสั่นเทาเมื่อดวงตาเยือกเย็นเบือนมามอง
น้ำเดือดกี่องศา หรือแสงจากพระจันทร์เร้นซ่อน
มีเงามืดในสายตาคู่นั้น หรือเป็นเพราะค่ำคืนเดินทางเร็วเกินไป
เข็มนาฬิกาส่งเสียงเบาๆ จากเหนือหัวนอน
สิ่งที่จู่โจมเข้ามาจึงร้อนสุดร้อน หนาวแสนหนาว จนเหมือนจับไข้

“ว่าไง”
หน้าซีกหนึ่งของสุดคะเนตกในเงามืด
เด็กผมเปียปากคอแห้งผาก น้ำตาเหือดตั้งแต่เมื่อไหร่

“งั้นก็กลับไป...”

“ตกลงค่ะ กระต่ายจะอาบน้ำที่นี่!”

สุดคะเนยกมุมปาก ดูแทบไม่ออกว่ายิ้มหรือหยัน
กระต่ายยังตัวแข็งทื่อเมื่อผ้าเช็ดตัวผืนเดิมส่งมาให้
“...รีบๆ หน่อยก็ดีนะ ไม่อยากเห็นกระต่ายป่วย”


กระต่ายเข้าไปในห้องน้ำ
ขาสั่นเทาเมื่อเอนหลังพิงกับอีกด้านของประตู
มีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ที่ด้านนอก เป็นครั้งแรกที่กลัวพี่สุดคะเนจนบอกไม่ถูก
เด็กน้อยไม่รู้เลยสักนิด ในบางครั้ง กระแสลึกลับก็สร้างพายุปั่นป่วนได้แม้ในถ้วยกาแฟ
รสชาติหวานหอม บางคราวส่งผลถึงการเต้นของหัวใจ
บางคนเสพติดแม้ในสิ่งที่ตนเองไม่คิดว่าชอบ...
ไม่รู้ตัว ว่าสิ่งที่ทำลงไป ด้วยความติดพัน หลงใหล
หรือเป็นแค่สัญชาตญาณ การ “ได้” มา

มีเสียงเบาที่ประตู กระต่ายสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงแรงผลัก
“เอ้อ...ยังไม่เสร็จค่ะ” รีบร้องบอก

“ทำไมเงียบ?” เสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ร้องไห้อยู่อีกหรือ”

มีความอุ่นไหลเข้ามาเพราะกระแสเสียงนั้น
เด็กผมเปียรู้สึกเหมือนตัวเองวนว่ายในทะเลเวิ้งว้าง
จู่ๆ ฟ้าก็สว่างใส มีเกาะแก่งให้เห็นแต่ไกล
ใจคอระส่ำระสายค่อยๆ รวมเข้าหากัน
บอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งกลัว เท่าที่เป็นอยู่นี้ มากกว่าเคยคิดเป็นไหนๆ
เสียงที่ตอบไปอีกครั้ง จึงเจือความเป็นกระต่ายคนเดิม

“เปล่าค่ะ...พี่คะเนจะอาบด้วยหรือคะ!”


สุดคะเนเท้าแขนข้างหนึ่งกับประตูห้องน้ำ
ขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องถาม
นึกจะตอบว่า “ไม่” แต่อีกใจกลับลังเลเหมือนตรองไม่ตก
ถามใจตัวเองกี่ครั้ง ไม่คิดอะไรกับเด็กคนนั้นมากกว่าความเอ็นดู เห็นใจ
แต่พอคิดจะปล่อยกระต่ายคืนป่า...ไยจึง...


แกร๊ก!


กลอนประตูเลื่อนออก ตัวปัญหาโผล่หน้ามาอย่างหวาดๆ
แต่เนื้อนวลที่โผล่พ้นชายผ้าทำให้ต้องกลืนน้ำลายยากเย็น
กระต่ายในผ้าขนหนูสีน้ำตาล ร่างสูง ผมยาวคลุมไหล่ นัยน์ตาชี้เฉียง
เหมือนเดินออกมาจากเรื่อง Moon Child ของ Reiko Shimizu
จู่ๆ เด็กคนนี้ก็มีอีกด้านเป็นสาวสวย...

“จะอาบให้กระต่ายจริงหรือคะ”

“เอ้อ...” สุดคะเนอึกอัก “ไม่แล้วดีกว่า”
กระต่ายยิ้มถูกใจเมื่อเห็นคนที่ไม่น่าเขินกลับหน้าแดงให้เห็น
ความมั่นใจกลับมา คว้าแขนสุดคะเนดึงเข้าข้างใน

“กระต่ายอาบให้ดีกว่าค่ะ”

“ไม่...” สุดคะเนขืนตัว กระต่ายยิ้มชอบใจ ตักน้ำในถังสีน้ำเงินราดลงบนตัวรุ่นพี่
สุดคะเนเย็นวาบเมื่อน้ำไหลซอนเข้าในเสื้อผ้า

“แกล้งพี่เหรอ!” แย่งที่ตักน้ำคืน กระต่ายหัวเราะเสียงใส

“แกล้งกระต่ายก่อนทำไมละคะ”

“งั้นมานี่เลย...” สุดคะเนผลักเด็กน้อยเข้าชิดมุม เปิดฝักบัวให้ไหลแรง
กระต่ายดิ้นหนีจนผ้าเช็ดตัวเลื่อนหลุด ด้วยความอายรีบยื้อยุดอีกฝ่ายไว้

เนื้อแนบเนื้อ เสื้อของสุดคะเนเปียกชุ่ม กระต่ายผวาเมื่อมองหานัยน์ตาสีดำไม่เห็นแล้ว
มีแต่ผมสั้นเกรียนฉ่ำน้ำ...ให้ไขว่คว้า



คืนนี้พระจันทร์ไปอยู่ที่ไหน

แสงนีออนสว่างจนไม่อยากลืมตาขึ้นเลย
แต่เงาสะท้อนในกระจกยั่วเย้าให้แอบมอง
กระต่ายไม่เคยเห็นตัวเองในภาพเช่นนั้นมาก่อนเลย
ไม่เคยเห็นรุ่นพี่ในภาพแบบนี้ด้วย

“...กระต่ายโตกว่าอายุมากเลยนะ”
เสียงพึมพำ กระต่ายสะท้านเมื่อคำพูดสัมพันธ์กับการกระทำ

“หรือคะ...”

“ใช่...” สุดคะเนเสียงพร่า “นี่นะ พี่มีอะไรจะบอก”

“อะไรคะ”

สุดคะเนไม่ตอบ ปิดน้ำ ดึงผ้าเช็ดตัวเปียกชุ่มพันรอบตัวเด็กสาว
ลูบผมรุ่ยร่าย รีดหยาดน้ำไหลออกบ้าง แล้วจูงมือออกมา
ปิดไฟทุกดวงที่เดินผ่าน ไม่เว้นแม้แต่ด้านหลังซึ่งเปิดออกไปเป็นครัวเล็กๆ
มีซี่เหล็กดัดกั้นขวาง มองออกไปเห็นสนามฟุตบอลยามค่ำคืน
แสงไฟสาดส่องไกลๆ เห็นทางเดินเลียบรั้วเลือนราง

“ทางเดินไปท่าเรือ” สุดคะเนกระซิบบอก “เคยไปมั้ย”

“ยังค่ะ”

“วันหลังจะพาไป มีที่นั่งเล่น วิวสวยทีเดียว”

“ค่ะ”

ไฟดวงสุดท้ายดับลง ภายในห้องมืดสนิท
สุดคะเนพาสาวน้อยไปยืนเกือบชิดตะแกรงกั้น

“ข้างนอกสว่างกว่า...ถึงมีคนมองมาก็ไม่เห็นเราหรอก”

“จะ...ทำอะไรคะ”

“พี่อยากฟังเรื่องของกระต่ายอีก”

“...เรื่องอะไรละคะ กระต่ายเล่าไปหมดแล้ว”

“ยังไม่หมดหรอก เชื่อสิ” กระต่ายหายใจติดขัดเมื่อฝ่ามือนุ่มนวลรั้งให้เอนแนบอก
เสื้อของสุดคะเนยังเปียกปอน แต่ทำไมผิวเนื้อจึงร้อนผ่าวขนาดนั้น

“...พี่คะเน”

“จ๋า”

“กระ...กระต่ายไม่มีอะไรจะเล่า”

“ต้องมีสิคะ”

มือของพี่คะเนซุกซนปานนี้เชียวหรือ กระต่ายใจเต้นรัว
รั้งชายผ้าที่ห่อตัวไว้แต่ไม่อาจต้านทาน
ไม่รุนแรงเลยสักนิด แต่การรุกล้ำสร้างความรวดร้าวสุดทน

“ไหนว่าเก่งนักไง”

“...อย่า...อย่าแกล้งกระต่ายสิคะ”

“ไม่ได้แกล้ง” ริมฝีปากเคลียใบหู “ดูโน่นสิ มีคนเดินมาด้วยแน่ะ”

“อุ้ย! ไหนคะ” กระต่ายตระหนก รีบขืนตัวเมื่อเห็นว่ามีคนมาจริงๆ ด้วย
แต่อยู่ไกลและสูงกว่า จึงเห็นเงาตะคุ่มที่เคลื่อนไปตามเส้นทางอย่างไม่สนใจอื่นใด

“เค้าไม่รู้แน่ๆ ว่ามีใครอยู่ตรงนี้”

“...พี่คะเน”

“ไม่รู้หรอกว่ากระต่ายกำลังรู้สึกยังไง...ใช่มั้ย”

กระต่ายสำลัก ทรงตัวแทบไม่อยู่ มือเอื้อมไปจับซี่ลูกกรงแน่น สั่นเทา
สุดคะเนย่ามใจ กระต่ายตัวนี้แสนโอชะจริงๆ ยังไม่เคยพบใครไร้เดียงสาเช่นนี้มาก่อน

“...ไม่ชอบหรือคะ”

“...มะ...ไม่ค่ะ กระต่ายไม่รู้”

“งั้นก็อย่าดิ้นสิ อยู่เฉยๆ”

“ไหน...ว่าจะให้กระต่ายเล่าอะไรให้ฟัง”

“เล่ามาสิ ว่ากระต่ายเคยคิดถึงพี่แบบนี้หรือเปล่า”

“....เอ้อ...เอ้อ”
“ไม่เคยละสิคะ ไม่เคยคิดว่ามันจะ...เป็นแบบนี้ใช่มั้ยคะ”

“พะ...พี่คะเน...แล้วที่จะบอกกระต่ายล่ะคะ”

“...นี่ไง” สุดคะเนกรอกเสียงหนักแน่น
“...พี่ชักชอบ...เวลากระต่ายอยู่ในเงื้อมมือพี่”

กระต่ายจะตายแล้ว ใครก็ได้ช่วยที!
เด็กสาวมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป
ตัวสั่นระริกเพราะถูกสั่งสอนจากคนชำนาญ ไอร้อนผ่านทะลุผ้าเข้าหาแผ่นหลัง
หลับตา กัดริมฝีปากเพราะกลัวจะส่งเสียงดังเกินไป
สุดคะเนก็หลับตา รู้สึกเหมือนละลายไปกับสาวน้อย
พระจันทร์เคลื่อนออกมาในเสี้ยวนาทีแต่แล้วก็ถูกเมฆบดบังอย่างเดิม
เงามืดตกกระทบอีกครั้ง กลืนใบหน้าสุดคะเนเลือนหาย
ในท่ามกลางเสียงกรีดร้องแผ่วเบา




ครั้งที่สองของกระต่าย.

ตีพิมพ์ครั้งแรก
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1380 วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2550

No comments: