12 December 2006

07 แค่มี

เช้านี้มีลมหนาวพัดมาบางๆ
เดือนตุลาคมกำลังมาถึง ฝนยังตกในภาคอื่นๆ
และกรุงเทพมหานครก็ยังมีน้ำท่วมขังเป็นแห่งๆ ไป

แถบจรัญสนิทวงศ์นั้น สะพานไม้ยังไม่ถูกรื้อถอน น้ำขึ้นลงเป็นเหตุการณ์ปกติ
สุดคะเนจึงหอบงานกลับมาทำที่บ้านบ่อยขึ้น
เด็กสาวยืมพิมพ์ดีดของออฟฟิศกลับมาด้วย
นอนดึก ตื่นเช้า เขียนงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างมีวินัย


ในช่วงนั้น จดหมายจาก The Moon ยังมีมาสม่ำเสมอ


[...เมื่อหลายปีก่อน ฉันทำงานกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
เขาเป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี เป็นนักเขียน เป็นอะไรๆ อีกหลายอย่าง
สำหรับฉัน เขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก แล้วก็เป็นคนที่งานยุ่งเหยิง
เสียจนไม่มีเวลาพอที่จะหยิบจับทำอะไรเองได้หมด

ฉันเป็นคนเก็บกวาดงานที่กระจัดกระจายของเขาให้เข้าที่เข้าทาง
พบปะผู้คน(บางคน)แทนเขา พูดคุยโทรศัพท์แทน ตัดสินใจแทนในบางเรื่อง
และคอยตอบคำถามในตอนเช้าที่เขาตื่นขึ้นมาเรียบร้อยแล้วว่า
วันนี้เขาต้องไปทำอะไรที่ไหนบ้าง...

ฉันเป็นคนเปิดจดหมายแทบทุกฉบับ (หลายร้อยฉบับ)
ที่มีมาถึงเขา จดหมายหลากสีหลายแบบ หนาบางต่างกัน
ฉันรู้สึกรักจดหมายเหล่านั้น...สำหรับเขา ฉันไม่รู้ได้...

ฉันเห็นภาพเด็กสาววัยสดใสหลายคน
ประดิดประดอยจดหมายแสนสวยถึงคนที่ชื่นชอบและศรัทธา
ฉันเห็นความตั้งใจ เห็นแววหวังในดวงตา
เมื่อเธอเหล่านั้นหย่อนจดหมายลงตู้ไปรษณีย์
ฉันอ่านจดหมายน่าเอ็นดูเหล่านั้นทุกฉบับที่ได้เปิด
ยิ้มและเศร้าไปกับเรื่องราวนานาที่พวกเธอเขียน

ฉันอยากให้เขาได้อ่านมันทั้งหมดเช่นกัน
แต่ว่า...ช่วงเวลาที่อยู่กับเขา มันนานพอที่ฉันจะรู้ว่า
เหตุผลแห่งหน้าที่ของฉัน ก็เนื่องมาจากเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเปิดจดหมายนั่นเอง
ถ้าเป็นไปได้ และหากฉันมีค่าพอที่จะทดแทนได้ (ในตอนนั้นน่ะนะ)
ฉันก็อยากตอบจดหมายที่น่ารักเหล่านั้นแทนเขาเหลือเกิน

ฉันเล่าให้สุดคะเนฟังทำไมนะ
อ้อ...ฉันกำลังจะบอกว่า พบเธอครั้งแรกเมื่อไหร่นั่นเอง
ตอนนั้นฉันได้รับจุลสารใบตอง
(ที่ถูก ฉันน่าจะพูดว่าเขาได้รับต่างหาก ฉันมันแค่คนอ่านแทน)
ฉันหลงรักมันทันทีเลยรู้ไหม รักผลงานเล็กๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของคนกลุ่มเล็กๆ
พวกเธอทำให้ฉันคิดถึงเพื่อนที่เคยร่วมกันทำความฝันคล้ายๆ กันนี้
สมัยที่เราทำงานในชนบท

ฉันจำชื่อ "สุดคะเน" และ "หวนคะนึง" ได้ตั้งแต่นั้น (ทั้งหมดคือเธอใช่ไหม)
ทำไมเธอถึงเลือกใช้ชื่อนี้
รู้ไหมฉันคิดอะไร ฉันคิดถึงการเดินทางแสวงหาสิ่งที่ชีวิตต้องการอย่างแท้จริง
ความลึกลับสุดหยั่งคะเนของชีวิตนี้ด้วย อีกทั้งความอาลัยอาวรณ์ในสิ่งล่วงไป...

...เธอเล่า รู้สึกอย่างไรกับชื่อของตัวเอง และเธอค้นพบสิ่งที่ตัวเองแสวงหาหรือยัง...]



สุดคะเนนอนบนเตียงเล็ก หนุนหมอนสองใบ
The Moon คนนี้ ช่างคิดช่างเขียนเหมือนกัน

[ฉันไม่ใช่นักกลอน ไม่ใช่คนเก่ง เป็นแค่คนเล็กๆ
ที่มีหนังสือเป็นเพื่อนบ้างในบางเวลา บอกตัวเองว่าชอบงานของ "หวนคะนึง"
แต่ฉันก็ไม่ได้ค้นหา หรือติดตามเพิ่มเติมให้มากกว่าที่ได้รู้ ได้เห็น
ฟังดู ฉันช่างเป็นคนที่ไม่จริงจัง เลื่อนลอยไร้สาระ...

ฉันรักท้องฟ้า แต่บางช่วงของชีวิต ฉันไม่เคยแหงนมองท้องฟ้า
รักภูเขา แต่ก็ไม่ดั้นด้นเดินทางไปดูภูเขา
ฉันรักฤดูหนาว แต่ก็ไม่ได้ชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่ฤดูหนาวจึงจะมา...

แต่เธอรู้ไหม ฉันรู้สึกได้ตลอดเวลาว่าฤดูหนาวเป็นอย่างไร
กลิ่นลมหนาวหอมแค่ไหน...
เมื่อเรารับอะไรสักอย่างเข้ามาอยู่ในอาณาจักรใจ มันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน หรือโลกจะหมุนไปอย่างไร

เมื่อไรที่ฉันบังเอิญพบเห็นงานของเธอ
ฉันไม่เคยละเลยที่จะอ่าน
ด้วยความสุขใจว่า นี่คืองานอีกชิ้นอีกก้าวของเธอ
บางช่วงของชีวิตที่มีมรสุม ฉันไม่ได้พบเธอเป็นปีๆ
แต่ฉันก็รู้ว่าเธอยังอยู่ที่เดิม อยู่ตรงที่ที่ฉันชื่นชมเสมอมา...]



เสียงกุกกักดังหน้าระเบียง

สุดคะเนลดจดหมายลง เสียงคนเดินแล้วหยุด

ใครกัน?

ลุกไปแหวกม่านหน้าต่างดู



"มาหาใครคะ"
สุดคะเนเปิดประตูออกไป ผู้หญิงผอมบาง ใบหน้าหมองคล้ำ รีบวางของลง ยิ้มเจื่อนๆ

"ห้องนี้จ้ะ" ชี้ห้องที่ปิดอยู่

"อ๋อ..." สุดคะเนรีบยกมือไหว้ "กระต่ายกับเค็นยังไม่เลิกเรียนหรอกค่ะ"

"จ้ะ" ร่างผอมเกร็งรีบรับไหว้ "น้าเอาของมาไว้ให้เฉยๆ เดี๋ยวก็ไปแล้ว"

"จะรอมั้ยละคะ อยู่ห้องคะเนก่อนก็ได้"

"ไม่เป็นไรจ้ะ" คำปฏิเสธจริงจัง "ติดรถเขามา อยู่นานไม่ได้"
ตาฝ้าขุ่นดูครุ่นคิด ก่อนค่อยๆ เอ่ย
"เอ้อ...แล้วกระต่ายเป็นยังไงบ้าง..." สุดคะเนงงกับคำถาม

"ก็...สบายดีนี่คะ แข็งแรงดี แต่ถ้าเรื่องเรียน...ไม่รู้เหมือนกัน
ยังไงจะถามกับเค็นให้ค่ะ"

"จ้ะ ขอบใจมาก งั้นน้าไปก่อนนะ...หนูชื่ออะไรนะ"

"คะเนค่ะ"

"หนูคะเน..." ร่างผอมทวนคำ
"น้าฝากดูเค็นกับกระต่ายด้วยนะ อยู่ใกล้ๆ กัน
มีอะไรก็ตำหนิติเตียนได้เลย โดยเฉพาะกระต่ายน้าห่วงเขามาก..."
อย่างนึกได้ ผู้หญิงวัยกลางคนรื้อตะกร้า

"หนูแบ่งกะละแมไปกินด้วยนะ กวนมาใหม่ๆ...
กระต่ายน่ะชอบกิน แต่พอเกิดเรื่องก็ดื้อไม่เอาไปเสียทุกอย่าง
ถ้าชอบก็บอกเค็นไว้นะจ๊ะ จะเอามาให้อีก"

ร่างผอมเกร็งลงบันไดไปแล้ว สุดคะเนถือถุงขนมยืนงง
นี่คือแม่ของเค็นกับกระต่าย?
เธอเคยเห็นแว้บๆ แต่ไม่เคยคุยด้วย แปลกจัง มาหาลูกตอนที่รู้ว่าลูกไม่อยู่?

ตะกร้าหวายใบใหญ่วางโดดเดี่ยวหน้าห้องหมายเลข 7

...คนเรามักมีเหตุผลของตัวเอง สุดคะเนถอยหลังเข้าห้อง
แต่สายตายังเห็นร่างผอมคล้ำก่อนเลี้ยวหัวมุม เห็นสายตาที่เหลียวมองมา

สายตาของแม่...



กลับมาล้มตัวนอน อ่านจดหมายต่อ

[พรุ่งนี้เช้า ฉันต้องรีบตื่นไปทำงานอีกฟากหนึ่งของเมืองหลวง
ย่านธุรกิจที่แออัดไปด้วยผู้คน...

คะเนชอบนั่งเรือไหมจ๊ะ...
ทุกวันฉันเลือกที่จะนั่งเรือไปในแม่น้ำสายเดียวกับที่ไหลมาจากบ้านเกิด
ฉันชอบเสียงเครื่องเรือที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ผสานกับเสียงน้ำสาดกระทบกราบเรือดังซ่า...ซ่า...
บางหยดก็กระเซ็นมาถูกพอเย็นกายเย็นใจ
แต่บางวันลมแรง คลื่นแรง ก็เล่นเอาตัวเปียกไปครึ่งหนึ่งเหมือนกัน)
ชอบนั่งดูคนมาซักผ้าริมตลิ่ง ดูคนแก่หิ้วปิ่นโตไปวัดริมน้ำ
ดูเด็กแก้ผ้ากระโดดน้ำกันตูมๆ

เห็นผักตบชวาลอยเอื่อยๆ สวนกับลำเรือ
เอ๊ะ...มันลอยมาจากบ้านฉัน หรือกำลังจะลอยผ่านไปบ้านฉันกันแน่...
ลองเหลียวดูบนฝั่งไกลๆ เห็นรถติดเป็นแถวยาว
บางทีเห็นคนวิ่งแข่งกันขึ้นรถประจำทาง น่าเหน็ดเหนื่อยเสียจริง...

ถ้าโลกหมุนช้าลงกว่านี้สักหน่อย คงจะดีนะ]



...ป่านนี้กระต่ายคงยังอยู่ที่โรงเรียน เด็กคนนั้นล่ะ ชอบนั่งเรือบ้างไหม?



[สุดคะเน...ทำไมบางครั้งตัวหนังสือของเธอจึงเหงานัก
เธอมีเรื่องเศร้าใช่ไหม มนุษย์ทุกคนมีความเศร้า
มีเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือนไปจากใจ เธอและฉันคงไม่ต่างจากใครๆ หลายคน

นานแล้วที่นักเขียนคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่า...
แม้ชีวิตจะไม่ได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ
แต่เราก็ควรจะขอบคุณในสิ่งที่เราได้รับเอาไว้แล้ว...

...สายลมเดือนตุลา มีกลิ่นฤดูหนาวมาเบาบาง
ฟ้าครึ้มๆ เมื่อเช้าเริ่มเห็นแดดใสๆ แต่ตอนนี้มีฝนโปรยบางๆ
บางครั้งธรรมชาติก็ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้สวยงามอย่างนี้
นกกระจอกอ้วนๆ ตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ระเบียง มันสะบัดขนจนฟู
ดูอ้วนกลมยิ่งกว่าเดิม อีกสักพักตัวแห้งมันคงบินไป

บ้านใกล้ๆ ฉันเขามีนกอยู่ในกรง
ทำไมคนชอบเลี้ยงนก
ทำไมชอบดูนกกระโดดอยู่ในกรง มากกว่าเห็นมันบินไปบนฟ้า...
แต่นั่นแหละนะ โลกนี้มีอีกหลายเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ
หนึ่งในหลายเรื่องนั้นก็คือ ความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์นี่เอง]



เอ๊ะ...กระต่ายเคยพูดถึงแม่หรือเปล่า...?



[โกวเล้งเขียนไว้ว่า

...ชีวิต เฉกเช่นใบไม้ในสายลม จอกแหนบนผิวน้ำ

บางครั้งไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

มีเรื่องราวมากมายที่อยากกระทำ แต่ไม่อาจกระทำได้

มีเรื่องราวหลากหลาย ที่ไม่ปรารถนากระทำ

แต่มิอาจไม่กระทำ...]

เด็กคนนั้นไม่เคยพูดถึงแม่...สักครั้งก็ไม่เคยได้ยิน



[...ฉันไม่ใช่นักเขียน ไม่ใช่เด็กสาววัยหวาน
เป็นเพียงคนทำงานที่เหน็ดเหนื่อย
ทุกข์บ้างสุขบ้างในท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า
แต่ฉันก็ยังพยายามตามหาความฝันที่หล่นหาย
คงไม่ช้าไปใช่ไหม ที่ฉันจะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้
นั่นคือ เขียนมาทักทาย "สุดคะเน"
และบอกว่าฉันดีใจที่ได้พบเธอ

ถ้าหากเป็นไปได้...
สักวัน ฉันจะชวนเธอนั่งเรือ ไปขึ้นที่ท่าน้ำหน้าวัด
ตามหลังผู้เฒ่าผู้แก่ไปทำบุญ...ถ้าหากเป็นไปได้

...จากเพื่อนที่เธอไม่รู้จัก


...พระจันทร์]




เด็กคนนั้นไม่เคยพูดถึงครอบครัว...
กับเค็นก็ไม่เรียกว่าพี่...
สุดคะเนดีดตัวลุกขึ้น
ตามองห่อขนมที่วางบนโต๊ะมุมห้อง เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเด็กคนนั้นจึงติดพันเธอนัก



คงแค่อยากมี...พี่สาว ก็เท่านั้น




ตีพิมพ์ครั้งแรก
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1372 วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2549

No comments: