23 January 2007

13 ราตรีสวัสดิ์

กระต่ายใจหายวาบ
เมื่อเห็นเจ้าของห้องลุกไปนั่งข้างเตียง
เหมือนคนข่มกลั้นอะไรบางอย่าง
ในสำนึกของเด็กน้อยคิดว่า...เธอทำอะไรพลาดไป

“...พี่คะเนคะ...กระต่ายขอโทษ”
กระต่ายคิดแค่นิดเดียว ขยับมานั่งซ้อน สอดแขนกอดเอวรุ่นพี่ แนบใบหน้าลงแผ่นหลัง

“ให้กระต่ายอยู่ด้วยเถอะนะคะ”

สุดคะเนสูดลมหายใจลึก
สาบานได้ว่าเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ที่สุด
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเสี้ยวนาที...
เสียงของกระต่ายที่บอกถึงอารมณ์เร้นลับ
...จุดประกายบางสิ่ง เหมือนแกล้งจุดไฟ
ยิ่งไม่รัก ไม่ชอบ...ง่ายที่จะปล่อยใจ

“ปล่อยพี่ดีกว่ากระต่าย”

“ไม่ค่ะ...”
กระต่ายรัดแขนแน่นกว่าเดิม สิ่งที่ไหลเวียนในกายหายไปหมดแล้ว
เหลือแต่ความรู้สึกว่า...ทนไม่ได้ ถ้าจะไปจากห้องนี้ คืนนี้

ขณะที่สุดคะเนตรงกันข้าม
“อย่าเล่นกับพี่นะ กระต่าย เราน่ะ ยังไม่รู้จักพี่ดีพอ”

“กระต่ายรู้” เด็กน้อยยังเสียงแข็ง
“พี่คะเนดีกับกระต่ายที่สุดแล้ว ดีกว่าใครๆ ในชีวิต”

“กระต่ายอายุแค่สิบเจ็ด” สุดคะเนลงน้ำหนักเสียง
“จะมาชีวงชีวิตอะไรกัน...ปล่อยพี่เถอะ”

“ไม่”

“ปล่อย!”

“ไม่!”

สุดคะเนสลัดตัวเต็มแรง กระต่ายแทบล้มหงายหลัง
ด้านนอกของตึกที่สูงเพียงสองชั้นและมีแค่ 8 ห้อง
พระจันทร์กลีบส้มเคลื่อนเข้าซ่อนใต้เมฆ

หมอนที่หยิบมาด้วยร่วงตกลงข้างเตียง
กระต่ายหายใจติดขัดเมื่อนัยน์ตาดำมองเหมือนคิดแล้วคิดอีก
แปลกอีกแล้ว...ทำไมสายตาแบบนั้นทำให้กระต่ายรู้สึก...
จันทร์ลับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ฟ้ามืดกว่าเดิม สุดคะเนปิดสวิชท์ไฟ



ในความมืด
รสจูบจากรุ่นพี่ทำให้กระต่ายแทบสำลัก หวาน ร้อน
แต่ก็ทำให้หนาวจนอยากปล่อยเสียงคราง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

สำหรับสุดคะเน เหมือนจู่ๆ ก็มีอาหารใหม่มาให้ชิม
ขนมหวานชิ้นนี้สดนัก ไม่สุกก่ำแก่จัดเหมือนอื่น
แต่ตึงปริด้วยความหวานหอมที่รอการคลึงเคล้า
หรือจะเหมือนผลไม้ใกล้สุก อีกนิดเดียวเท่านั้น
แค่ชั่วปลายนิ้ววน ก็จะคลายรสชาติแท้จริงออกมา
ริมฝีปากลากไล้ไปตรงไหน ก็มีแต่ความไร้เดียงสา

“...พี่คะเนคะ...”
หนูน้อยพยายามรั้งแขนเคลื่อนไหว

“คะ” สุดคะเนตอบด้วยจูบ

“...พะ....พอเถอะค่ะ”

“ไม่”

กระต่ายรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้
มากกว่าที่เคยคิดเป็นไหนๆ...อย่างนี้เองหรือ ที่คนมีใจต่อกันแสดงต่อกัน

พี่คะเนกำลังมีใจให้กระต่ายใช่ไหม
เด็กน้อยสะดุ้งผวาเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่ล่วงล้ำเข้ามาแตะต้อง
แล้วความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน ทำไม...มากมายเพียงนี้

เหมือนเมฆที่ตั้งเค้าทีละนิด...กระไอบรรยากาศละลายหลอมรวม
กระต่ายเหมือนเดินอยู่ในวันที่อากาศชื้นจนอยากหลบให้พ้น
ที่ไหนก็ได้ แต่ไยสายฝนทั้งร้อน ทั้งเย็น สุดฉ่ำ
หยดน้ำร่วงไหล...หยาดไหล...กระต่ายผวาแล้วผวาอีก
ส่งเสียงอู้อี้เพื่อบอกซ้ำๆ ว่า

“พอ...พอนะคะ”

แต่ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ

สุดคะเนพลิกตัวลงนอนข้างๆ หายใจช้าลง
ขณะเด็กน้อยข้างตัวหายใจแรงกว่านัก เหมือนตัวยังไม่หยุดเคลื่อนที่
เหมือนมีใครรั้งแรงๆ ให้ยังกระตุกเป็นลูกโป่งใกล้ขาดลอย
กระทั่งเสียงหายใจช้าลง...เสมอกัน

“................................”

“พี่คะเน....”
กระต่ายพลิกตัวเข้าหา สอดแขนกอดร่างอุ่นอย่างสนิทสนมกว่าเดิม

“...กระต่ายไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย”
พูดแล้วยังอาย ซุกหน้าเบียดไหล่ แต่สุดคะเนนอนนิ่ง

“...พี่คะเนละคะ...รู้สึกเหมือนกระต่ายหรือเปล่า”
ด้วยความตั้งใจและพยายามเรียนรู้
กระต่ายป่ายมือเข้าหาเหมือนถูกสอนมาหยกๆ แต่โดนปัดออกทันที

“ไม่ต้องค่ะ”

กระต่ายหน้าเสียทันที

“...ไปเข้าห้องน้ำเถอะ ขอพี่นอนคนเดียวสักพัก”

กระต่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คว้าผ้าห่มพันตัวเตรียมลุก
สุดคะเนชำเลืองมอง แล้วลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้ส่งให้

“ไม่มีอะไรหรอก...” เสียงอ่อนลง
“พี่เริ่มง่วงแล้วน่ะ กระต่ายจะอาบน้ำอีกก็ได้นะ ใช้ของในห้องน้ำได้ทุกอย่าง”

เด็กผมเปียที่ตอนนี้ผมยุ่งรุ่ยร่ายไปหมดแล้ว หายเข้าห้องน้ำไป
สุดคะเนกลับมาล้มตัวนอนบนเตียง รอยยับย่นยังอยู่...
อยากทุบหัวตัวเองแรงๆ อีกแล้ว...ปล่อยเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
ทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้

เสียงเปิดฝักบัวอาบน้ำ กลิ่นสบู่ลอยมา ในห้องน้ำมีแสงลอดส่อง
ในใจหนักอึ้งกับสิ่งที่ผ่านไปในเสี้ยวเวลา
แต่ก็แปลก...อีกใจ มีเสียงบอกว่า มันคงไม่เลวร้ายอะไรนักหนา


………………………….

[“ทำไม...ฉันต้องอยากมีอะไรกับเธอด้วยนะ”

“ก็เป็นธรรมชาตินี่นา”]

………………………….

[ดาวมิได้เฝ้าเรียกร้องถึงสิทธิอะไรทั้งนั้น
คะเนจะมีใคร...อยู่กับใคร...ที่ไหน ดาวไม่สนหรอก
ขอเพียงบางส่วนความรู้สึกที่คะเนมี แบ่งปันมาให้ดาวบ้าง...
แล้วสักวัน คะเนจะแรมไกลไปนิรันดร์ มันคืออนาคต]

………………………….

[รู้หรือเปล่า วันที่ฉันโทรศัพท์ถึงเธอน่ะ
ฉันยิ้มไม่หุบไปทั้งวันเชียวแหละ
เป็นความสบายใจยังไงไม่รู้สิ เหมือนได้พบเพื่อนเก่าที่จากกันมานานแสนนาน
...รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่สุดในรอบปีที่ยกหูโทรศัพท์ถึงคะเน
เธอล่ะ เห็นว่าฉันคิดถูกหรือเปล่า]

………………………….


“พี่คะเนคะ...”
เด็กกระต่ายออกจากห้องน้ำมาแล้ว
ผ้าขนหนูสีน้ำตาลห่อตัว เหมือนกุหลาบแรกตูม มีหยดน้ำเกาะบนผิว
ในความมืด ยังรู้ว่าหน้าคงแดงก่ำ
กลิ่นบางกลิ่นอวลไม่ยอมหาย

“...กระต่ายเสียใจ”

มีน้ำตาอีกแล้ว สุดคะเนอยากตะโกนดังๆ ว่า หยุดร้องไห้เสียทีได้มั้ย!
อะไรๆ ก็มีน้ำตา เรื่องขี้ปะติ๋วก็มีน้ำตา
เพราะน้ำตาและความอ่อนแอนี่ไงเล่า ทำให้อะไรๆ ผิดอยู่ได้ตลอด!
แต่สิ่งที่สุดคะเนทำคือ

“...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กระต่ายไม่ต้องคิดมาก”

“กระต่ายไม่ได้คิดมาก พี่คะเนต่างหาก...กระต่ายเสียใจที่...เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

“มานี่เถอะ”

สุดคะเนก็คือสุดคะเน
ในลำดับต่อมา กระต่ายก็จึงได้ซุกตัวอยู่กับอ้อมแขนอุ่นๆ...
สำหรับกระต่ายมันอุ่นมากเหลือเกิน

“ไม่มีอะไรหรอกนะ พรุ่งนี้ ทุกอย่างก็จะผ่านไป”

“ค่ะ” กระต่ายรับคำ

“งั้นหลับนะ พรุ่งนี้มีเรียนนี่”

“ค่ะ ตอนเย็นมีซ้อมดนตรีด้วย”

“.......................................”

“ไปฟังกระต่ายไหมคะ”

“เอาไว้ว่างนะ พรุ่งนี้คงยังไม่ได้ พี่มีนัดสัมภาษณ์ข้างนอก”

“ค่ะ”

“หลับเถอะ...ตกลงคืนนี้เค็นไม่ได้กลับมาจริงๆ ใช่ไหม”

“ค่ะ ไปบ้านเพื่อน”

“...ราตรีสวัสดิ์”

เป็นคำพูดทางการเหลือเกิน แต่กระต่ายก็ยิ้มออก
ยืดตัวขึ้นจูบแก้มคนที่นอนหลับตาชาเฉย แตะริมฝีปากอย่างรักใคร่


“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะพี่คะเน”

ตีพิมพ์ครั้งแรก
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1378 วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2550

1 comment:

Anonymous said...

คุณการะเกต์มีแผนจะรวมเล่มไหมคะ?